พระอาจารย์นก วัดเขาบังเหย ที่มากด้วย 'พุทธคุณและประสบการณ์'
พระอาจารย์เฉลิมชัย ฐิตธัมโม หรือ พระอาจารย์นก
ฐิตธมโม แห่งวัดเขาบังเหยชุมพลสีมาราม หมู่บ้านซับมงคล ต.โป่งนก อ.เทพสถิต
จ.ชัยภูมิ เป็นพระสายปฏิบัติศิษย์หลวงปู่แหวน สุจิณโณ แห่งดอยแม่ปั๋ง จ.เชียงใหม่
ท่านบวชเณรมาจาก จ.ชัยภูมิ ไปอยู่ปรนนิบัติหลวงปู่แหวน สุจิณโน ที่เชียงใหม่
ก่อนที่หลวงปู่จะละสังขาร
วิชาและความรู้หลวงปู่แหวนได้เมตตาถ่ายทอดให้พระอาจารย์นก เป็นอย่างมาก
หลังจากหลวงปู่แหวนละสังขาร
มีการพระราชทานเพลิงศพแล้ว
พระอาจารย์นกได้ธุดงค์เดินทางด้วยเท้ารอนแรมอยู่ในป่าทางภาคเหนือเพื่อทบทวนวิชาและความรู้ที่เล่าเรียนมา
เมื่อเดินทางมาถึงเขาพังเหยบริเวณตำบลโปร่งนก ซึ่งเป็นที่ตั้งของวัดในปัจจุบัน
ท่านเห็นว่าอาณาบริเวณนี้เป็นป่าที่สามารถฟื้นฟูเป็นป่าธรรมชาติได้
เป็นสถานที่สงบเหมาะสมแก่การปฏิบัติธรรมเพื่อเจริญสติ
ตามแนวทางที่ครูบาอาจารย์ที่ท่านศึกษาเล่าเรียนมา
สิ่งหนึ่งที่พระอาจารย์นกได้ตั้งสัจจะและยึดปฏิบัติโดยถือว่าเป็นกฎประจำตัวตั้งแต่บวชจนถึงทุกวันนี้
คือ พระเครื่องและวัตถุมงคลตั้งแต่รุ่นแรกจนถึงรุ่นปัจจุบันที่สร้างมากว่า ๓๐ ปี
คือ สร้างเพื่อแจกฟรีเพื่อเป็นทานเท่านั้น เพื่อให้คนจน คนไม่มีได้มีของดีไว้ใช้
มีของยึดเหนี่ยวทางจิตใจ เพียงเพื่อให้เป็นบุญเท่านั้น
ผู้ที่รับไปล้วนมีประสบการณ์เล่าขานกันมากมาย
พระอาจารย์นกบอกว่า “วัตถุมงคลแม้ว่าจะขึ้นชื่อว่ามีพุทธคุณสูง
แต่ไม่มีวัตถุมงคลชนิดใดในโลกกันตายได้แต่ช่วยเหลือไม่ให้ได้ตาย
และไม่ได้หมายความว่าวัตถุมงคลชนิดเดียวกันจะช่วยเหลือคนได้ทุกคนเหมือนกัน
หากต้องขึ้นอยู่กับความศรัทธาด้วย เมื่อมีศรัทธาปฏิหาริย์ย่อมเกิดขึ้นได้
เมื่อไร้ศรัทธาก็ไร้ปาฏิหาริย์
ไม่ว่าโจรหรือตำรวจหากมีศรัทธาปาฏิหาริย์ย่อมเกิดขึ้นได้ไม่ต่างกัน”
เมื่อถามว่า “การสร้างวัตถุมงคลเป็นเปลือกของพุทธศาสนาทำให้คนติดและหลงใหลในวัตถุมงคล”
ทั้งนี้พระอาจารย์นกได้ตอบคำถามไว้อย่างน่าคิดว่า “ทุกอย่างมีเปลือก
ต้นไม้อยู่ได้เพราะเปลือกที่คอยปกป้องเลี้ยงกระพี้และแก่นให้เจริญเติบโต
ศาสนาก็มีเปลือกที่คอยปกป้องอุ้มชูเลี่ยงกระพี้และแก่น
ถ้าศาสนามีแต่แก่นทุกคนมุ่งแต่หลุดพ้นอย่างเดียววันนี้คงไม่มีพุทธศาสนาแล้ว
เพราะถ้าคนไม่ทำทานไม่ทำบุญซึ่งถือว่าเป็นเปลือกของศาสนา
แล้วจะมีการสร้างศาสนสถานอย่างที่เห็นอยู่ทุกวันนี้
ถ้าพุทธศาสนาไม่มีเปลือกพระเณรก็จะอยู่ไม่ได้”
อย่างไรก็ตามแม้ว่าพระอาจารย์นกจะเป็นหัวแรงสำคัญในการนำศรัทธาญาติโยมและลูกศิษย์ในการสร้างวัดเขาบังเหย
แต่ท่านไม่ได้เป็นและรับตำแหน่งเจ้าอาวาส พระที่เป็นเจ้าอาวาสชื่อ “พระครูไพบูลย์ธรรมกิจ”
ซึ่งมีชื่อเสียงมาก ญาติโยมในพื้นที่แถบนี้ไม่น้อยกว่า ๓ อำเภอ
พากันหลั่งไหลไปกราบ กอปรกับวัดนี้มีพระภิกษุรูปหนึ่งเป็นพระหมอยา มีความสามารถ “ผสมยา”
ในป่า ต้มให้ญาติโยมอาบ อบ รักษาโรคฟรี ไม่ต้องใช้เงินบูชาเอายาใดๆ
คนป่วยส่วนใหญ่หายจากโรคภัยไข้เจ็บอย่างน่าอัศจรรย์ใจ
ความพิเศษของพระอาจารย์นกนอกจากสร้างพระเครื่องและวัตถุมงคลแจกฟรีแล้ว
สิ่งหนึ่งที่พิเศษและแตกต่างจากวัดอื่นๆ อย่างสิ้นเชิง คือ ในวัดก็ไม่ได้ตั้งตู้รับบริจาค
เงินที่ได้มาเปิดโรงทาน (อาหารฟรีตลอดปี) ได้มาจากญาติโยมฐานะดีบริจาคเป็นกองทุน “ลอยเอาไว้”
ทั้งปี รวมทั้งมีเศรษฐีบริจาคเงินสร้างศาลา สร้างกุฏิ
และกำลังสร้างพระอุโบสถหลังใหญ่
ด้วยพลังศรัทธาในวัตรปฏิบัติและคำสอนในวัตรปฏิบัติของพระอาจารย์นก
พุทธคุณแห่งเหรียญ “โหด
เหี้ยม หด”
วัตถุมงคลของพระอาจารย์นกขึ้นชื่อว่าสุดยอดประสบการณ์มากมาย
ท่าน แจกฟรีครับ ห้ามขาย ท่านสาปแช่งไว้ว่าคนซื้อรวยคนขายจน
วัตถุมงคลของท่านมีผู้ประสบพบเจอประสบการณ์มากมาย
เหรียญรุ่นแรกของท่านคือเหรียญโหด รุ่นสองเหี้ยม รุ่นสามหด
ทั้งนี้มีคำร่ำลือในหมู่ลูกศิษย์ว่าเหรียญโหด
เหี้ยม หด คือ รุก รับ ทำลาย สลาย กันอันตรายทั้งปวง กันและแก้คุณไสยมนต์ดำ
เป็นคงกระพันมหาอุด เป็นอีกหนึ่งของดีที่ลูกศิษย์ลูกหาอยากได้กัน
อย่างไรก็ตามเคยมีลูกศิษย์ถามพระอาจารย์ว่าทำไมในเว็บถึงไม่มีประวัติพระอาจารย์เลย
พระอาจารย์ท่านเมตตาตอบมาว่า ท่านไม่อยากดังและยังไม่ถึงเวลา
ท่านอาจารย์เคยพูดว่าโหด เหี้ยม หด นั้นพุทธคุณไม่แพ้พระสมเด็จราคาเป็นล้านนะครับ
เก็บไว้ให้ดีๆ นะครับอีกหน่อยจะหายาก
รุก รับ ทําลายสลาย
เป็นฉายาที่ใช้เรียกเหรียญโหด เหี้ยม หด เห็นมีคนบอกว่า พอสร้างโหดออกมาก็จะออกไปทางบู๊หน่อยก็เลยสร้าง
เหี้ยมออกมากดโหดไว้ เเล้วก็สร้าง หดออกมากดเหี้ยม
อักขระยันต์ที่อยู่บนวัตถุมงคลทั้งหมดวัดเขาบังเหยจะเป็นอักขระ
ขอมพิสดาร ครับ
ตัวยันต์ที่เห็นเรียกว่าขอมพิสดารต่างกับตัวยันต์วัดอื่นที่ใช้กันโดยทั่วไปและเป็นที่รู้จักกันว่า
ขอมกลาง ส่วนขอมพิสดารนี้มีที่วัดเขาบังเหยแห่งเดียวบนพื้นโลกนี้
เอาเป็นว่าตัวอักขระทั้งหลายเหล่านี้เป็นของสูง ฟังมาว่าแม้ตัวอักขระตัวเดียวโดดๆ
แม้ไม่ต้องอธิษฐานจิตก็มีพุทธคุณในตัว กันตาย กันอุบัติเหตุได้
ส่วนที่มาของชื่อรุ่นและอักขระเลขยันต์นั้น พระอาจารย์บอกว่า
ได้มาจากการนั่งสมาธิ แล้วเกิดนิมิตขึ้นเป็นตัวหนังสือว่าโหด เหี้ยม หด
พอตัวหนังสือเกิดขึ้นครบแล้ว ก่อนที่ตัวหนังสือจะหายไป ดินก็ผ่าขึ้นไปบนฟ้า
เสียงดังสนั่นแม้แต่พระเณรในวัดตอนนั้นก็ได้ยินทั้งกัน คล้ายๆ จะบอกว่าเหรียญ ๓
รุ่นนี้จะต้องดังสนั่นในวันข้างหน้า
ด้วยเหตุนี้พระอาจารย์นกท่านเลยตั้งใจว่าจะทำวัตถุมงคลชื่อสามชื่อนี้
สร้างวัดให้คนเข้าวัด
“วัดเขาบังเหยชุมพลสีมาราม” สร้างขึ้นเมื่อประมาณ
๒๐ ปีที่แล้ว จากเริ่มแรกเป็นโรงเรือนศาลาไม้
ได้พัฒนาและสร้างศาสนสถานเพิ่มขึ้นจนถึงปัจจุบัน มีศาลาปฏิบัติธรรม พระอุโบสถ
หอสมาธิ ตลอดจนโรงยาสมุนไพรและที่พักรับรองญาติโยมที่มาทำบุญและปฏิบัติธรรม
จากป่าไม้ที่ถูกทำลายกลายเป็นภูเขาหัวโล้น
พระอาจารย์นกได้นำศรัทธาญาติโยมปลูกต้นไม้ รักษาป่า ทำให้บริเวณวัดร่มรื่น
เต็มไปด้วยแมกไม้นานาพันธุ์ บริเวณวัดจึงมีสภาพป่าที่อุดมสมบูรณ์
มีบรรดาสัตว์ป่ามาอาศัยอยู่ เช่น หมูป่า ลิง ไก่ป่า เต่าภูเขา ๖ ขา นกนานาชนิด
ต้นไม้พืชพรรณที่เป็นยาสมุนไพรมีมากมายหลายร้อยชนิด
บรรยากาศร่มเย็นมากเมื่อได้เข้ามาภายในบริเวณวัด
ครูบาอาจารย์ที่บวชอยู่ในวัดนี้เป็นที่นับถือของประชาชนใน จ.ชัยภูมิ
และจังหวัดใกล้เคียงเป็นอย่างมาก
วัดเขาบังเหยจึงเหมาะแก่การพักผ่อนหย่อนใจเที่ยวชมธรรมชาติและปฏิบัติธรรม
การเดินทางใช้ทางหลวงแผ่นดินหมายเลข ๒๒๕ (สาย จ.ชัยภูมิ- อ.หนองบัว จ.นครสวรรค์)
ผ่านหน้าวัด ห่างจากตัว จ.ชัยภูมิ ประมาณ ๘๐ กิโลเมตร
ถ้ามาจากมวกเหล็กวิ่งมาทางเขาน้อยผ่าน อ.ลำสนธิ จ.ลพบุรี เข้า อ.เทพสถิต จ.ชัยภูมิ
เข้าทางลัดมาทาง ต.นายางกลัด ออกบ้านซับมงคล เลี้ยวซ้ายมุ่งหน้าไป อ.ภักดีชุมพล
ประมาณ ๓ กิโลเมตร